
1
ห้ามกลืนน้ำมันหอมระเหย. น้ำมันหอมระเหยบางชนิดอาจส่งผลให้คุณไม่สบายหรืออาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากกินหรือดื่มลงไป คุณสามารถใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวของคุณได้อย่างปลอดภัยเพียงแค่เจือจางก่อนการใช้
2
เลือกวิธีเจือจางให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้. น้ำมันหอมระเหยสามารถนำไปผสมกับน้ำมันตัวพา เจือจางในน้ำเปล่าเพื่อทำสเปรย์ หรือผสมกับอย่างอื่น เช่น เกลืออาบน้ำ ควรรู้จุดประสงค์การใช้ก่อนนำน้ำมันหอมระเหยไปเจือจาง
3
ผสมกับน้ำมันตัวพาหรือน้ำเปล่าเมื่อต้องการใช้ภายนอก. น้ำมันสวีทอัลมอนด์ น้ำมันแอพพริคอท น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันโจโจ้บา และน้ำมันอโวคาโด เป็นน้ำมันตัวพาที่ทำงานร่วมกันได้ดีกับน้ำมันหอมระเหย น้ำมันตัวพาดังกล่าวมีกลิ่นที่ไม่แรงเกินไปจนอาจกลบกลิ่นหรือทำให้กลิ่นปนกันกับน้ำมันหอมระเหย คุณสามารถเจือจางน้ำมันหอมระเหยกับน้ำได้เช่นกัน ก่อนใช้น้ำมันหอมระเหยคุณควรตัดสินใจให้ดีว่าจะนำมาใช้อย่างไร
- เมื่อนำไปใช้บริเวณเฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ ควรผสมในอัตราความเข้มข้น 3-5% ใช้น้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา เหมาะกับการนำไปใช้ในบริเวณขมับหรือข้อมือในปริมาณเพียงเล็กน้อย
- เมื่อนำไปใช้บริเวณกว้างสำหรับผู้ใหญ่ ควรผสมในอัตราความเข้มข้น 1% ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา เหมาะกับการใช้ร่วมกับน้ำมันนวดหรือเป็นสเปรย์ฉีดผิว
- ถ้าต้องการนำไปใช้กับเด็กทารก ควรผสมให้เจือจางลงเป็นอัตราความเข้มข้น 0.25% แทน ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 1 หยดผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมันตัวพา 4 ช้อนชา
- เมื่อต้องการผสมน้ำอาบ ให้ใช้น้ำมันหอมระเหย 3-5 หยดผสมกับเกลืออาบน้ำหรือน้ำมันตัวพา 1 ช้อนชา แล้วผสมลงไปในน้ำสำหรับอาบ การเจือจางน้ำมันหอมระเหยก่อนใช้ช่วยให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
4
ใช้น้ำมันหอมระเหยโดยไม่เจือจางก่อน. เรามักได้ยินว่าห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังโดยไม่เจือจางก่อนเนื่องจากอาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง แต่มีผลวิจัยออกมาว่าการใช้น้ำมันหอมระเหยโดยไม่เจือจางก่อนนั้นกลับเป็นผลดีในบางกรณี ตัวอย่างเช่น มีการวิจัยหนึ่งกล่าวว่าการใช้น้ำมันทีทรีที่ไม่ผ่านการเจือจางกับเล็บวันละ 2 ครั้งสามารถรักษาอาการติดเชื้อราที่เล็บได้ อย่างไรก็ดี ควรสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านอโรมาเธอราพีก่อนใช้ทุกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikiHow